เวลาเราอยากเข้าใจคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นในบริบทการทำจิตบำบัด การให้คำปรึกษา หรือแม้แต่การทำ User research หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจปัญหา ความต้องการ หรืออุปสรรคของพวกเขาก็คือการระบุ Cognitive Distortions หรือความคิดที่บิดเบือนของพวกเขา
การระบุความคิดที่บิดเบือนได้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมันเผยให้เราเห็นรูปแบบความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลหรือเกินจริง ซึ่งมีผลโดยตรงต่ออารมณ์และพฤติกรรมของบุคคล การสังเกตความคิดที่บิดเบือน เช่น การใช้อารมณ์เป็นตัวให้เหตุผล (Emotional Reasoning) ช่วยให้เราเข้าใจว่าคน ๆ นั้นตีความสถานการณ์อย่างไร ซึ่งการตีความนั้นเอง ที่ส่งผลต่อความรู้สึกและการกระทำของคนหนึ่ง ๆ โดยตรง ตัวอย่างเช่น ถ้าคนหนึ่งคิดแบบขาว-ดำ ความคิดนี้อาจทำให้พวกเขารู้สึกเศร้าและหลีกเลี่ยงการกระทำที่ควรทำ รวมถึงตัวเราเองด้วย
บางครั้งแม้แต่เราเองก็อาจเจอการบิดเบือนความคิดได้เวลามีอารมณ์ลบหรือเจอสถานการณ์ที่กดดัน ซึ่งความคิดเหล่านี้จะส่งผลต่อพฤติกรรมของเรา ความคิด อารมณ์ พฤติกรรม จะส่งผลซึ่งกันและกัน ความคิดทำให้เกิดอารมณ์ได้ อารมณ์ก็ทำให้เกิดความคิดได้ พฤติกรรมก็เช่นกัน ดังนั้นถ้าเราสามารถจับสังเกตได้และเข้าใจรูปแบบของความคิดและพฤติกรรมของตนเองได้ ก็จะเข้าใจผู้อื่นได้มากขึ้น
อยากชวนมาสำรวจตัวเองดูว่าคุณเคยเจอ Cognitive Distortions แบบไหนบ้าง ทั้งในตัวเองและผู้อื่น เรามีตัวอย่างมาให้ ลองดูว่าตัวคุณเข้าข่ายข้อไหนบ้าง เพื่อจะได้ปรับวิธีคิดและพฤติกรรมให้สมดุลและสร้างความสุขมากขึ้น
1. การใช้อารมณ์เป็นตัวให้เหตุผล (Emotional Reasoning)
2. การคิดสุดโต่งไปในทางหายนะ (Catastrophizing)
3. การคิดเข้าตัวมากเกินไป (Personalization)
4. การกรองแต่แง่ลบ (Mental Filtering)
5. การใช้คำว่า 'ควร' และ 'ต้อง' (Should Statements)
6. การคิดแบบเหมารวม (Overgeneralization)
7. การคิดแบบสุดโต่ง (Black-and-White Thinking)
8. การสรุปอย่างรวดเร็ว (Jumping to Conclusions)
9. การมองข้ามข้อดี (Discounting the Positive)
10. การอ่านใจคนอื่น (Mindreading)
11. การทำนายอนาคต (Fortune Telling)
นี่เป็นตัวอย่างบางส่วนเรื่อง Cognitive Distortions แม้บางประเภทอาจจะดูคล้าย ๆ กัน แต่มีรายละเอียดของความคิด ความเชื่อ ที่เป็นรากฐานของความคิดเหล่านั้นแตกต่างกันไป ซึ่งมักต้องใช้เวลาในการสำรวจ หรือให้นักจิตบำบัดช่วยค้นหาร่วมกัน
การระบุความคิดที่บิดเบือนเหล่านี้ทำให้เรามองเห็นความเชื่อและวิธีคิดที่อาจส่งผลเสียต่ออารมณ์และพฤติกรรมของเรา เห็น Pattern ของเรา เมื่อเราตระหนักรู้และสังเกตเห็นบ่อย ๆ เราก็จะเข้าใจตัวเองมากขึ้น และหากสามารถปรับวิธีคิดให้สมดุลขึ้น เราก็จะมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น จากการเข้าใจตัวเองและผู้อื่น มีความสุข และมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับคนรอบตัวด้วย